การส่งออกเฟอร์นิเจอร์ของประเทศไทยนั้นประกอบไปด้วย เฟอร์นิเจอร์ไม้ร้อยละ 70 ของ เฟอร์นิเจอร์ พลาสติกร้อยละ 20 และ เฟอร์นิเจอร์โลหะร้อยละ 10 ของมูลค่าการส่งออกโดยประมาณแล้วซึ่งผู้ส่งออกในประเทศไทยนั้นต้องเจอกับการแข่งขับอย่างรุ่นแรงในตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ที่มีมูลค่าการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไม้รวมกันๆ มากกว่า 88 ของมูลค่าส่งออกในประเทศไทย เลยก็ว่า ซึ่งจะมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากในการส่งออก
โดยจะมีอัตราการส่งออก เมื่อพิจารณาในช่วงปี 2541 – 2543 ที่มีอัตราการเติมโตเฉลี่ย ร้อยละ 23.8 ต่อปี แต่กลับซะลอลงในช่วงปี 2544 – 2546 ที่มีอัตราเติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 4.24 ต่อปี เท่านั้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศยักใหญ่ อย่าง สหรัฐฯ และ ญี่ปุ่นซะงักงันสำหรับใยปี 2547 อัตราการเติมโตรวมทุกตลาดแล้ว สูงถึงร้อยละ 13.04 แต่ในปี 2548 กลับ ซะลอตัวลงไปอีก เมื่อต้องมาเจอกับวิกฤตราคาน้ำมัน ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบให้กับค่าขนส่งเพิ่มขึ้นตาม
และในปีปัจจุบันนั้น อัตราเฟอร์นิเจอร์ไม้ ของประเทศต่าง ๆ นั้นก็ได้มีการขยายตัวเพิ่มมากถึงร้อยละ 25.36 และทำให้การแข่งขันในตลาดหลัก นั้นมีความแข่งขันสูงเพิ่มขึ้นไปอีก เช่นกัน เฉพาะนั้นแล้ว ในขณะนี้ นั้น การแข่งขันเฟอร์นิเจอร์ไม้ ไม่ว่าจะเป็นในการแข่งขันระหว่างประเทศ หรือ ต่างประเทศนั้น ก็ สามารถทำได้ยากเช่นกัน แต่ … เมื่อได้ ลองลงตลาดเข้ามาแข่งขันแล้วนั้น จะทำให้รู้ว่า อัตราการเติบโตในวงการนี้นั้น ไม่ใช้เรื่องยากอะไรเลย
โดยการเราได้นำเอา ข้อมูลต่าง ๆ นั้น เอามาวิเคราะห์ดูแล้วนั้นจะได้รับรู้ถึง คู่แข่งขัน และอัตราการชนะของการแข่งขัน ในวงการเฟอร์นิเจอร์ไม้ ได้อย่างแน่นอน สิ่งที่เรามีความจำเป็น อย่างมากเลยก็คือ ต้อง รุ้ก่อนว่า ใครนั้นเป็นเจ้าตลาดส่งออกหลัก เป็นอันดับที่หนึ่ง และใครนั้นเป็น อันดับที่สอง สาม สี่ ไล่กันลงมา เพื่อนำทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อ บริษัทของเราเองนั้น มาทำให้เราได้เกิดความเรียนรู้และ คิดค้นหาวิธีใหม่ ๆ มาเพื่อ หาวิธีมาแก้ไข
หรือปรับเปลี่ยนเป้าหมาย วิธีการบริหารจัดการกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ว่าเราจะปรับเปลี่ยนอย่างไร จึงจะทำให้เรานั้นสามารถ ตีตลาดหลัก ได้แตก และสามารถทำผลกำไร ของเราได้ อย่างต่อเนื่องโดยที่จะทำให้ บริษัทของเรานั้นสามารถอยู่รอด ขึ้นได้และไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มขึ้นแต่ก็ สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมาย ของเราได้อย่างตรงจุดและตรงประเด่น นั้นและ จะถือว่าเรานั้นจะประสบความสำเร็จ อย่างแท้จริงเลยก็ ว่าได้ การส่งออกนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยาก แต่เราก็ต้องรู้จักที่ตะลงมือ และติดตาม ประเมินผล ในสิ่งที่คิดว่าจะเป็นไปได้ มันก็เพียงแค่เท่านั้น