ในธุรกิจประกันภัยไทยโดยเฉพาะประกันวินาศภัยไทยจะยิ่งมีให้เห็นมากขึ้นหลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เตรียมออกกฎเพิ่มเงินกองทุนขั้นต่ำของบริษัทประกันวินาศภัยจาก 30 ล้านบาทเป็น 500 ล้านบาทภายใน 5 ปีประเทศไทยเดินหน้าไปเร็วกว่าญี่ปุ่นเพราะหลังๆการตื่นตัวทำประกันภัยมากขึ้น ดังนั้นการพัฒนาจะเร็วกว่าญี่ปุ่นแน่ ประเทศไทยที่มีศักยภาพการเติบโตคือประกันภัยรถยนต์เพราะการทำประกันภัยรถยนต์ ภาคสมัครใจยังน้อยนอกจากนี้ยังมีประกันอัคคีภัยคือเมื่อคนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นจะมองหาที่อยู่อาศัยที่มีมูลค่าสูงขึ้น ก็จะซื้อประกันภัยเพิ่มขึ้นด้วยขณะที่ประกันภัยรถยนต์เป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจแต่ที่เติบโตแน่นอนคือ ประกันสุขภาพ หลังการเปิดเสรี ทุกประเทศต้องระวังเรื่องการแข่งขันตัดราคาเบี้ย ประกันภัย อย่างรุนแรง อย่างที่สหรัฐฯ และยุโรป หลังการเปิดเสรี มีการตัดราคากันมาก ทำให้หลายบริษัท ประกันภัย ล้มละลาย ซึ่งในอนาคตไทยก็มีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปสู่การเปิดเสรีเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ เช่นกัน โดยในญี่ปุ่นได้ป้องกันด้วยการตั้งหน่วยงานคำนวณอัตราเบี้ย ประกันรถยนต์ อ้างอิง เพื่อให้ทุกบริษัท ประกันภัย รู้ราคาที่เหมาะสม ทั้งไทยและญี่ปุ่นมีความร่วมมือในการพัฒนาตลาดประกันวินาศภัยกันมานานแล้ว ซึ่งการจัดสัมมนาครั้งล่าสุด เป็นเรื่องของการ ประกันภัยรถยนต์ โดยนำเสนอภาพรวมเบี้ย ประกันภัย หลักเกณฑ์การกำกับการรับ ประกันภัย แบบประกันภัย อัตราเบี้ย และการจัดการสินไหมทดแทนของญี่ปุ่นให้กับบริษัท ประกันภัย ของไทย เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนา ประกันรถยนต์ ทำให้รากฐานธุรกิจไทยมั่นคงมากขึ้น